fbpx

งดบริการให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปี อ่านนโยบายการขาย คลิก

ติดต่อเราเพื่อสอบถาม

แอด LINE สั่งเลย

*สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น

Please add Image or Slider Widget in Appearance Widgets Page Banner.
If you would like to use different Widgets on each page, we reccommend Widget Context Plugin.

2nd Wine ดีจริงหรือแค่แผนการตลาด?

June 7, 2021

Second Wine แปลตรงตัวได้ว่า ‘ไวน์ตัวที่สอง’ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการที่ทำให้คุณสามารถสัมผัสไวน์ Chateau บอร์โดซ์ ท็อปเกรด หรือไวน์จากวินยาร์ดดังๆ ทั่วโลก โดยที่กระเป๋าตั้งไม่ฉีกครับ ฉะนั้น Second Wine คืออะไร? หมายความว่าเป็นไวน์รอง ที่คุณภาพไม่ดีรึเปล่า? มาหาคำตอบกันเลยครับ! 

Second Wine คือ?

คอนเซ็ปต์ของไวน์ตัวที่สองนี้เริ่มต้นที่บอร์โดซ์ แต่ปัจจุบันวินยาร์ดดังๆ ทั่วโลกก็มี second wine ของตนเองแทบทั้งหมด (ยกตัวอย่าง Super Tuscan ดังๆ ของอิตาลี) แต่บทความนี้ผมจะขอพูดถึงบอร์โดซ์เป็นหลักนะครับ โดยส่วนมากวินยาร์ดดังๆ ของบอร์โดซ์จะนำองุ่นที่คุณภาพเยี่ยม มาใช้ทำเป็นบอร์โดซ์เบลนด์ประจำวินยาร์ดของตนเองเท่านั้น ซึ่งไวน์ตัวนี้จะเป็นเหมือน ‘flagship’ หรือไวน์ชูโรงประจำวินยาร์ด ซึ่งจะถูกเรียกว่า ‘Grand Vin’ โดยองุ่นที่สุกพอดีที่สุด ในโลเคชั่นที่ดีที่สุด จะถูกแยกเก็บด้วยมือออกมาทำ Grand Vin 

แล้วเกิดอะไรขึ้นกับองุ่นที่เหลือล่ะครับ? คำตอบคือองุ่นที่เหลือจะถูกใช้ทำ second wine โดยส่วนมากองุ่นที่ใช้ผลิต Grand Vin และ 2nd Wine จะมาจากวินยาร์ดเดียวกัน แต่องุ่นที่นำมาทำ 2nd wine อาจมาจากเถาองุ่นที่เด็กกว่า หรือยังไม่ค่อยสุกงอมเท่าที่ควร แต่คุณภาพขององุ่นยังจัดว่าดีมากๆ อยู่นะครับ จนพูดได้เลยครับว่า 2nd Wine ของวินยาร์ดดังๆ ระดับ first growth อย่าง Carruades de Lafite จาก Lafite Rothschild ไปจนถึง Les Forts de Latour จาก Chateau Latour หรือ Echo de Lynch Bages จาก  Chateau Lynch Bages จะมีคุณภาพดีกว่าท็อปไวน์ของวินยาร์ดรองๆ อีกนะครับ ด้วยราคาที่ไม่แพงเท่า Grand Vin แต่ก็ยังถือว่าราคาค่อนข้างสูง ระดับพันถึงหมื่นบาทได้เลยครับ  

 

Second Wine เป็นแผนการตลาดรึเปล่า?

คำตอบคือไม่ใช่ครับ! โดยความจริงแล้ววินยาร์ดดังๆ ทั้งหลายไม่เคยโปรโมท 2nd Wine เลย แต่จะเน้นขายไวน์ Grand Vin ของตนเองมากกว่า

โดยมีต้นกำเนินย้อนกลับไปยาวนานตั้งแต่ปี 1800 ซึ่งความจริงอาจมีมายาวนานกว่านั้นมาก แต่จะขายในท้องถิ่นเท่านั้น ฐานะไวน์ที่เกรดต่ำๆ ลงมาหน่อย โดยวินยาร์ดแรกที่นำเสนอ 2nd Wine อย่างโจ่งแจ้งคือ Château Pichon-Longueville Comtesse de Lalande ซึ่งได้เสนอขาย 2nd Wine ในงานประมูลไวน์ที่มอสโคปี 1874

หลังจากนั้น วินยาร์ดอื่นๆ ก็เริ่มมีการนำไวน์ตัวที่สองออกมาขายติดๆ กันเลยครับ ตั้งแต่ Léoville Las Cases, Château Margaux และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งเป็นช่วงที่ไวน์จากบอร์โดซ์ราคาพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงเป็นโอกาสที่เหมาะมากๆ สำหรับการออกไวน์ตัวที่สอง ที่ราคาต่ำลงมาหน่อย แต่ก็ยังคงคุณภาพยอดเยี่ยมตามสไตล์ของผู้ผลิตนั้นๆ 

 

วิธีการผลิต 2nd Wine

วิธีการผลิตก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละวินยาร์ด ดังนี้ครับ

  • ใช้องุ่นจากวินยาร์ดเดียวกัน แต่เป็นการคัดเลือก แยกองุ่นด้วยมือของผู้ผลิตที่มากประสบการณ์จนสามารถรู้ได้ว่าองุ่นไหนผ่านเกณฑ์ องุ่นจากเถาไหนที่ดี สมบูรณ์ เหมาะแก่การนำไปทำ Grand Vin ส่วนองุ่นที่เหลือจะนำมาใช้ทำ 2nd Wine ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นองุ่นที่คุณภาพไม่ดีนะครับ เพียงแค่ไม่ใช่เกรดดีที่สุดเท่านั้นเองครับ 
  • แตกต่างกันที่วิธี และระยะเวลาในการเอจ โดย 1st Wine อาจถูกเอจในถังโอ๊คใหม่ทั้งหมด เป็นระยะเวลา 18 เดือน ส่วนไวน์ตัวที่สองถูกแบ่งออกไปเอจในถังไม้โอ๊คใช้แล้ว 50% เอจประมาณ 6 เดือน เป็นต้น
  • บางวินยาร์ดจะแยกพื้นที่ปลูกกันไปเลยระหว่าง 2nd Wine และ Grand vin เพื่อทำให้ง่ายต่อการควบคุมคุณภาพ และสร้างความแตกต่างที่จัดเจนระหว่างไว์ทั้ง 2 ตัว ซึ่งวินยาร์ดดังๆ หลายเจ้าใช้วิธีนี้ครับ เช่น Château Latour หรือ Château Pichon Longueville Baron เป็นต้น

ยิ่งตอนนี้ ไวน์บอร์โดซ์ดังไปทั่วโลก ความต้องการสูงขึ้น จึงทำให้มีการแบ่งเกรดไวน์เจาะผู้บริโภคมากขึ้น ไวน์บอร์โดซ์บางตัวจึงไม่ได้มีแค่ 2nd Wine นะครับ แต่มีไปถึง 3rd Wine และ 4th Wine เลยครับ!!

 

2nd Wine แนะนำ

 

Blason d’Issan, Margaux AOC
2nd Wine ของ Château d’Issan

วินยาร์ดระดับ Grand Cru คุณภาพเยี่ยมจาก Margaux โดยไวน์ตัวที่สอง มาจากแปลงแยก เน้นเถาองุ่นอายุน้อย แต่ผ่านกระบวนการผลิตที่พิถีพิถันแทบจะเหมือนกับ 1st Wine เอจในถังโอ๊ค 14-16 เดือน ได้ไวน์รสสดชื่น โน้ตแบล็คเชอร์รี่ ผสมไม้ซีด้า หอมดอกไวโอเล็ทขึ้นจมูก และกลิ่นใบยาสูบ ผสมเบย์ลีฟ อันเป็นเอกลักษณ์ของไวน์บอร์โดซ์ นำเสนอบอร์โดซ์เบลนด์เวอร์ชั่นฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เน้นกลิ่นหอม ซึ่งใครชอบฟรุ๊ตตี้ไวน์หน่อยๆ อาจชอบตัวนี้มากกว่า Grand Vin ซะอีกนะครับ!  

 

Le Marquis de Calon Ségur, Saint-Estèphe AOC
2nd Wine Château Calon-Segur 

เป็นอีกหนึ่ง 2nd Wine ที่มีเสน่ห์เป็นของตนเอง ถูกปลูกแยกวินยาร์ดกับ Grand Vin เลย เน้นรสชาติบาลานซ์ ชุ่มฉ่ำของ Merlot มีแทนนินนุ่มดุจกำมะหยี่จากการเอจในถังโอ๊ค 17 เดือน โน้ตเบอร์รี่สุกงอมผสมผสานกับความเอิร์ธตี้ วานิลลาอ่อนๆ ทำให้ดื่มง่าย สดใส แต่ก็ยังได้รสสัมผัสหรูหราไม่แพ้ 1st Wine เลยครับ!

 

Chevalier de Lascombes, Margaux
2nd Wine ของ Château Lascombes

เป็น Young Wine ที่คัดเลือกมาจากองุ่นที่เกรดรองลงมาจาก Grand Vin ออกมานำเสนอไวน์รูปแบบที่ดื่มง่าย เน้นกลิ่นหอมเรดฟรุ๊ต เบอร์รี่ ผสมชะเอมเทศ และวานิลลา เน้น Merlot เป็นหลัก จึงทำให้ตอนจบของไวน์มีความฟรุ๊ตตี้ชุ่มฉ่ำ

 

Echo De Lynch-Bages
2nd Wine ของ Château Lynch Bages

เป็น 2nd Wine ที่เหมือนกับเสียงสะท้อนของ Grand Vin จากชาร์โตระดับ 5th growth 1855 ผ่านกระบวนการผลิตแบบเดียวกันทุกประการ แต่จะเลือกใช้องุ่นที่อายุน้อย จึงได้รสชาติไวน์ที่กลมกล่อม ฟรุ๊ตตี้ลงตัว แต่ก็เย้ายวนด้วยแทนนินและตอนจบที่ชัดเจน แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเอจเพื่อพัฒนาโน้ตของไวน์ให้ยิ่งลงตัว ล้ำลึกครับ

 

Lucente
2nd Wine ของ Tenuta Luce

อย่างที่บอกไปข้างต้นนะครับว่าไวน์ชั้นเยี่ยมจากอิตาลี โดยเฉพาะ super tuscan ก็นิยมมี 2nd wine เช่นกัน อย่างตัว Lucente ก็ใช้องุ่นอายุน้อย เบลนด์เข้ากับองุ่นบางส่วนจากวินยาร์ดหลัก เพื่อให้ได้ super tuscan เบลนด์ Merlot และ Sangiovese ที่มีความโมเดิร์น ดื่มง่ายมากขึ้น โน้ตเชอร์รี่เปรี้ยว ผสมผสานความขมนิดๆ ของเอสเปรสโซ่ ลงท้ายด้วยแทนนินเนียนนุ่มคล้ายกำมะหยี่

Our favourite wines

"ไวน์" ไวน์แมน - ไวน์แดง ขาว สปาร์กลิงไวน์

สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด

บริษัทขอสงวนสิทธิ์การสั่งให้สำหรับแค่ลูกค้านิติบุคคลเท่านั้น ผู้สั่งต้องรับสินค้าด้วยตัวเอง พนักงานทางร้านจะต้องมีการพบหน้าผู้สั่งและตรวจสอบบัตรประชาชนและอายุโดยไม่มีข้อยกเว้น องค์ประกอบภาพและคำอธิบายทั้งหมดไม่ได้บ่งบอกถึงประเภทและสรรพคุณของเครื่องดื่ม สั่งไวน์ ไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์กลิงไวน์ กับแพลตฟอร์มไวน์ชั้นนำเเห่งประเทศไทย เลือกจากไวน์คัดสรรอย่างดีกว่า 3000 ตัว ตั้งแต่ราคาเบาๆดื่มง่าย จนถึงไวน์ขั้นเทพระดับ Grand Cru มีแสตมป์ทุกขวด หลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับหลายคนที่คุ้นเคยกับ Chardonnay สไตล์อเมริกัน ออสเตรเลีย ที่มักหมักหรือเอจไวน์ในถังโอ๊ค ทำให้ Chardonnay เป็นสไตล์ full-bodied โน้ตเนย วานิลลาชัดเจน อาจตั้งข้อสงสัยว่า Chardonnay ไม่เห็นมี acidity เลย! นั่นเพราะไวน์ขาวได้ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า  ‘Malolactic Fermentation’ (อ่านเพิ่มเติมในบทความอธิบาย acidity ได้เลยครับ) ไวน์จึงมีรสหวาน และมันมากขึ้น acidity จึงไม่ชัด แต่โดยธรรมชาติแล้ว Chardonnay มี acidity ที่ค่อนข้างสูงเลยครับ! สังเกตได้จาก Chardonnay จากเบอร์กันดีแสงโด่งดังในเมือง Chablis ที่ไม่ใช้การหมัก และเอจในถึงโอ๊คเลย จะได้ไวน์ที่รสชาติแตกต่าง ฟรุ๊ตตี้ สดชื่น เต็มไปด้วยแร่ธาตุ acidity สดใสครับ